หน้าแรก
- ทำอย่างไรดี
เมื่อเป็นงูสวัด
- อาการของโรค
- การรักษา
- โรคแทรกซ้อน
- เกร็ดประสบการณ์
-
แหล่งข้อมูลอื่นๆ
ที่มีเนื้อหาใกล้เคียง |
ข้อมูลไทยฮาวอื่นๆ
ที่มีหัวข้อใกล้เคียง |
- ก
-
อุปกรณ์ประกอบ
เพื่อการนี้ |
|
ทำอย่างไรดี
เมื่อเป็นงูสวัด |
โรคงูสวัด
เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน
โดยเฉพาะคนสูงอายุ
หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง
สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัส
ชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส
คือ (Varicella Zoster Virus)
โดยการติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้เกิดโรคสุกใส
ต่อมาเมื่อมีการกำเริบ
ของเชื้อที่หลงเหลืออยู่ในปมประสาท
จึงเกิดเป็นโรคงูสวัด
-
งูสวัดจะพบในขณะที่ร่างกายอ่อนแอ
ดังนั้นการดูแลสุขภาพ
ให้แข็งแรง
จึงมีความสำคัญมาก
-
ความเชื่อที่ว่างูสวัดพันรอบตัวแล้วตาย
ไม่เป็นความจริง
จึงไม่ต้องกังวลมากเกินไป
-
เมี่อสงสัยว่าตนเองเป็นงูสวัด
ควรมาพบแพทย์โดยทันที
-
การรักษาด้วยสมุนไพร
หรือแพทย์แผนโบราณ
อาจมีโอกาส
ติดเชื้อแทรกซ้อนได้
ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
-
ปัจจุบันมียาที่สามารถฆ่าเชื้องูสวัดได้ผลดี
และรับประทาน
สะดวก
ข้อมูลประกอบ
-
อาการของโรค
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอักเสบ
หรือคันบริเวณที่จะเป็นนำมาก่อน
ร่วมกับมีอาการไข้
อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย
ต่อมาจะมีผื่นขึ้น
โดยจะเป็นข้างเดียวของร่างกาย
บริเวณผิวหนังที่เลี้ยงโดยปมประสาทนั้น
ลักษณะผี่นจะเป็นตุ่มน้ำใสๆเป็นกลุ่มๆ
หลายกลุ่มเรียงตัวกัน
ตามแนวเส้นประสาท
ต่อมาประมาณ 7 ถึง 10 วัน
จึงจะแห้งเป็นสะเก็ด
และหายในเวลา 2 ถึง 3
สัปดาห์
-
การรักษา
โรคงูสวัดสามารถหายได้เองในเวลา
2 ถึง 3 สัปดาห์
โดยให้การรักษาตามอาการของโรค
และดูแลผื่นอย่างถูกต้องใน
ผู้ป่วยสูงอายุ
ผู้มีภูมิต้านทานบกพร่อง
ผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดบริเวณใกล้ตา
หรือผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจาย
ของเชื้องูสวัดไปยังอวัยวะอื่น
อาจมีความจำเป็นต้องให้การรักษา
โดยใช้ยาเฉพาะโรคเป็นพิเศษ
ซึ่งด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยควรพบแพทย์
เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษา
และได้รับคำแนะนำเรื่อง
การดูแลที่ถูกต้อง
เป็นการป้องกันมิให้เกิดแผลเป็น
จากการติดเชื้อแทรกซ้อน
-
โรคแทรกซ้อน
-
อาการปวดจากโรคงูสวัด
โดยผู้ป่วยอาจมีอาการปวดคงอยู่นาน
หลังจากผื่นหายหมดแล้ว
ซึ่งในที่สุดอาการปวดมักจะหายได้
ในเวลา 3 เดือนถึง 1 ปี
-
การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนบริเวณรอยโรค
-
โรคแทรกซ้อนทางตา
ในผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดบริเวณใกล้ตา
ต้องพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจตาร่วมด้วย
-
การแพร่กระจายของตุ่มน้ำใสออกนอกบริเวณรอยโรคที่เป็น
หรือการแพร่กระจายสู่อวัยวะภายในอื่นๆ
กลับไปด้านบนสุด
กลับไปหน้าที่แล้ว
|
16 /12 /44
-
เอกสารเผยแพร่ (พศ.2545)
เรียบเรียงโดย
นายแพทย์วินิจ พงศ์ปริตร
แพทย์หญิงกาญจนา
เสริมสวรรค์
นายแพทย์วังชัย
ลีสงวนกุล
แผนกผิวหนัง
วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์
กทม. และวชิรพยาบาล
|