หน้าแรก
- ควรปฏิบัติอย่างไร
ในระหว่างชัก
- ลมชักเกิดจากอะไร
-
- เกร็ดประสบการณ์
-
แหล่งข้อมูลอื่นๆ
ที่มีเนื้อหาใกล้เคียง |
ข้อมูลไทยฮาวอื่นๆ
ที่มีหัวข้อใกล้เคียง |
- ก
-
อุปกรณ์ประกอบ
เพื่อการนี้ |
|
ข้อปฏิบัติช่วยคน
ในระหว่างชัก (ลมชัก) |
ลมชัก
เป็นปรากฎการณ์ที่สมองสั่งงานมากผิดปกติ
ขึ้นมาชั่วครู่
โดยเจ้าตัวไม่อาจควบคุมได้
เพราะมีสาเหตุบางอย่าง
ที่ไปรบกวนการทำงานของสมอง
จึงปรากฎเป็นอาการผิดปกติขึ้นมา
อย่างรวดเร็ว
เมื่อพบเห็นคนเป็นลมชัก
ควรระงับความตกใจ
และเข้าช่วยปฐมพยาบาล
ดังนี้
ควรปฏิบัติอย่างไร
ในระหว่างชัก
-
นำคนไข้ให้พ้นจากบริเวณที่จะเป็นอันตราย
เช่น ไฟ
ของมีคม
เครื่องจักรกล
หรือที่สูง
-
ถ้ามีฟันปลอม
ให้รีบถอดออก
-
ใช้ของนุ่มๆ
เช่น ม้วนผ้า
ใส่ระหว่างฟัน
เพื่อป้องกันคนไข้
กัดลิ้นตัวเอง
แต่ไม่ควรใช้ของแข็งที่อาจเป็นอันตรายต่อ
ช่องปาก
-
คอยป้องกันอันตราย
ถ้าคนไข้ดิ้นมาก
หรือเดินไปมา
-
เมื่อคนไข้หมดสติไปหลังชัก
ควรให้นอนตะแคง
ไม่หนุนหมอน
แหงนคอเล็กน้อย
เพื่อกันการสำลัก
และทำให้ทางเดินหายใจ
โล่ง
-
ถ้ามีเสมหะหรือน้ำลายมาก
ควรใช้ลูกยางดูดทางปาก
และจมูก
-
หลังชักแล้ว
ควรนำส่งโรงพยาบาล
เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
-
อย่า กรอกยาหรือน้ำเข้าปากคนไข้
ขณะกำลังชัก
หรือไม่รู้สึกตัว
เพราะจะสำลักเข้าไปในปอดได้
-
อย่า
เอาของขลังหรือวัตถุอื่นใดให้อม
-
อย่า
ใช้ของแข็งงัดปากและฟันคนไข้
เพราะอาจบาดเจ็บต่อเหงือกและฟัน
-
อย่า
ใช้นิ้วมือใส่ปากคนไข้ที่กำลังชัก
-
อย่า
ต่อสู้ หักบิดแขนขา
นั่งทับ หรือกดท้อง
คนไข้ที่ชัก
เพราะอาจเกิดอันตรายแก่คนไข้
-
อย่า
ทุบตี หยิก จี้
หรือลวกด้วยของร้อน
เพื่อให้คนไข้ตื่น
เพราะจะเกิดบาดแผลโดยไม่จำเป็น
และคนไข้มักจะฟื้น
ได้เอง
-
อย่า
ทิ้งผู้ป่วยที่กำลังชักหรือหลังชักใหม่ๆ
ไว้ตามลำพัง
-
อย่า
ปล่อยคนไข้ที่ชักไม่หยุดหรือชักหลายครั้งติดต่อกัน
ไว้ที่บ้าน
ข้อมูลประกอบ
ลมชักเกิดจากอะไร
-
มีแผลเป็นในสมอง
จากการคลอดยาก
ติดเชื้อในวัยเด็ก
หรือบาดเจ็บต่อสมอง
-
มีโรคทางกาย
ได้แก่
เบาหวานที่ไม่ควบคุม
โรคตับ
โรคไต โรคหัวใจ
-
ได้รับยาหรือสารพิษบางอย่าง
ดื่มเหล้า
การขาดออกซิเจน
หรือไข้สูงในเด็ก
-
การติดเชื้อในสมอง
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
หรือเลือดออก
ใต้เยื่อหุ้สมอง
-
ก้อนที่ขยายโตขึ้นในสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง
เช่น
เนื้องอก ฝีในสมอง
พยาธิ์ เป็นต้น
-
พวกที่ไม่ทราบสาเหตุ
หรือเป็นกรรมพันธุ์
กลุ่มนี้มักมี
คนในครอบครัวเป็น
จะเริ่มชักตั้งแต่วัยเด็กหรือหนุ่มสาว
และเมื่อโตขึ้นอาจหายได้
กลับไปด้านบนสุด
กลับไปหน้าที่แล้ว
|
23 /09 /45
-
เอกสารเผยแพร่ (พศ.2538)
นายแพทย์ ชัยชน
โลว์เจริญกูล
หน่วยประสาทวิทยา
ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
|