หน้าแรก
-
อาการและอาการแสดง
- สาเหตุ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การดำเนินชีวิตประจำวัน
- โรคแทรกซ้อนของการไม่
รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- เกร็ดประสบการณ์
แหล่งข้อมูลอื่นๆ
ที่มีเนื้อหาใกล้เคียง |
-
ข้อมูลไทยฮาวอื่นๆ
ที่มีหัวข้อใกล้เคียง |
-
อุปกรณ์ประกอบ
เพื่อการนี้ |
|
การรักษาโรคความดันโลหิตสูง |
ความดันโลหิต หมายถึง
ความดันภายในหลอดเลือดแดง
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
ได้แก่
ความดันซิสโตลิคหรือความดันตัวบน
เป็นความดันโลหิตที่เกิดขึ้นในขณะที่หัวใจทำการบีบตัว
เพื่อนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
และความดันไดแอสโตลิคหรือความดันตัวล่าง
หรือความดันตัวล่าง
เป็นความดันโลหิตที่วัดได้ในระหว่างหัวใจคลายตัว
ค่าปกติของ
ความดันขณะบีบตัวจะสูงกว่าค่าความดันคลายตัว
หน่วยที่วัดเป็น
มิลลิเมตรปรอท
-
ระดับความดันปกติ
การวัดระดับความดันโลหิตควรวัดขณะพัก
หากเกิดอาการ
ตื่นเต้น ตกใจ ดีใจ
หรือมีการออกกำลังกาย
ค่าความดันโลหิต
จะสูงขึ้น
และจะมีค่าต่ำลงในระหว่างการพักหรือนอนหลับ
ระดับความดันจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
และความดันโลหิต
จะสูงขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
น้ำหนักมากเกินไป
ดื่มสุราหรือ
มีอารมณ์เครียด
แต่ไม่ควรสูงกว่า 140/90
มม. ปรอท
-
ความดันโลหิตสูง
ค่าความดันโลหิตตั้งแต่
140/90 มม. ปรอท
ถือว่าสูงผิดปกติ
ถ้าความดันโลหิตสูงเกินเป็นระยะเวลานาน
จะทำให้เกิด
ภาวะหัวใจโต ไตเสื่อม
สมองเสื่อม
รวมถึงอาการอื่นๆ เช่น
หัวใจวาย
หลอดเลือดหัวใจตีบ
ไตวาย หรือ
เส้นโลหิตในสมอง
ตีบหรือแตก
ทำให้เกิดอัมพาตได้
-
อาการและอาการแสดง
ในรายที่ความดันโลหิตสูงมากๆ
อาจมีอาการดังนี้ คือ
- ปวดศีรษะแบบตื้อๆ
- มีเลือดกำเดาออก
- สับสนมึนงง
- สูญเสียความจำ
-
อาจมีอาการสั่นเล็กน้อย
แต่บางรายที่มีความดันโลหิตเล็กน้อย
อาจไม่มีอาการชัดเจน
แต่ตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อน
ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา
เป็นระยะเวลานาน เช่น
ตามัว ไตวาย เป็นต้น
-
สาเหตุ
-
ส่วนใหญ่ไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน
แต่พบว่ามีความไม่สมดุล
ของปัจจัยต่างๆในร่างกาย
เช่น
สารที่กระตุ้นให้เส้นเลือดตีบ
-
ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
เช่น
-
หลอดเลือดแดงตีบแข็ง
เนื่องจากมีสารไขมันอุดตัน
ทำให้ขาดความยืดหยุ่น
ขนาดของรูหลอดเลือดเล็กลง
ทำให้ความต้านทานปลายทางรวมของหลอดเลือดสูงขึ้น
-
อัตราการกรองของไตจะลดลงและปริมาณเลือดไปยังไต
ลดลง
-
แบบแผนการดำรงชีวิต
เช่น
อาหารที่มีไขมันและคลอเรส
เตอรอลสูง อาหารเค็ม
การดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่ซึ่ง
จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
และการที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
อย่างสม่ำเสมอ
-
จากโรคเรื้อรังอื่นๆ
ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
เช่นโรคโลหิตจาง
อย่างรุนแรง เบาหวาน
เป็นต้น
-
จากโรคบางชนิดที่ทำให้ความดันโลหิตสูง
เช่นโรคหัวใจบางชนิด
โรคต่อมไร้ท่อ
โรคไตบางชนิด เป็นต้น
-
คุณควรได้รับการรักษาเพื่อควบคุมความดันโลหิต
ให้ลดลงสู่ระดับปกติเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
ที่เกิดตามมาจากความดันโลหิตสูง
-
ควรได้รับการตรวจร่างกาย
เพื่อดูการไหลเวียนของเลือด
-
ตรวจประวัติทางครอบครัว
-
การตรวจคลื่นหัวใจ
(EKG) ซึ่งจากการตรวจ
แพทย์อาจทำการรักษาเพื่อลดความดันโลหิต
-
เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต
เช่นการรับประทานอาหาร,
การเลิกสูบบุหรี่
หรือเพิ่มกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
-
อาจได้รับยาลดความดันในกรณีที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสม
ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไร
?
-
การควบคุมการรับประทานอาหาร
จะสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้โดยการการ
- เลือกรับประทาน
โดยเฉพาะผัก ผลไม้
อาหารที่มีไขมันต่ำ
-
การลดการรับประทานอาหารรสเค็ม
เนื่องจากการรับประทาน
อาหารรสเค็มจัด
จะทำให้เกิดการบวมน้ำ
และทำให้ปริมาณเลือดสูงขึ้น
ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นได้
-
จากการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวมีความสัมพันธ์
กับการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตได้
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
มักมีความดันโลหิตสูง
ดังนั้น
การลดน้ำหนักสามารถลดความดันโลหิตได้
-
การสูบบุหรี่
เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่จะส่งผลต่อโรคหัวใจ
ดังนั้นถ้าคุณหยุดสูบบุหรี่ได้
คุณจะลดความเสี่ยงของการเกิด
ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจได้
-
การออกกำลังกาย
อย่างสม่ำเสมอ
ไม่เพียงแต่จะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว
ยังสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
ดังนั้นแพทย์อาจแนะนำ
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณได้
ข้อมูลประกอบ
โรคแทรกซ้อนของการไม่ได้รักษาโรคความดันโลหิตสูง
ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้
อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ดังต่อไปนี้
คือ
หัวใจโต
ไตถูกทำลาย
เส้นโลหิตอุดตันในสมอง
หัวใจวาย
ผนังเส้นเลือดแดงหนา
เป็นต้น
กลับไปด้านบนสุด
กลับไปหน้าที่แล้ว
|
06 /08 /44
-
เอกสารเผยแพร่ (พศ.2544)
ฝ่ายเภสัชกรรม
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ถ.สุขุมวิท
กรุงเทพฯ
www.bumrungrad.com
-
เอกสารเผยแพร่ (พศ.2546)
โรงพยาบาลคามิลเลียน
ถ.สุขุมวิท ซอย55 กรุงเทพฯ
โทร.02-3910136, 3915724
หมายเหตุ
|