หน้าแรก
- ลักษณะของเพลี้ยจั๊กจั่น
- เกร็ดประสบการณ์
(ป้องกันไม่ให้เขม่าควันดำ
ติดก้นหม้อ)
แหล่งข้อมูลอื่นๆ
ที่มีเนื้อหาใกล้เคียง |
ข้อมูลไทยฮาวอื่นๆ
ที่มีหัวข้อใกล้เคียง |
อุปกรณ์ประกอบ
เพื่อการนี้ |
|
การกำจัดเพลี้ยจั๊กจั่นช่อมะม่วง |
คนไทยโดยทั่วไปมักนิยมปลูกต้นมะม่วงตามบริเวณบ้านพักอาศัย
เพื่อให้ร่มเงาและความร่มรื่นแก่บ้านและผู้อยู่อาศัย
และยังให้ผล
เพื่อการรับประทานแก่เจ้าของบ้านอีกด้วย
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน
เป็นช่วงที่มะม่วงเริ่มแทงช่อดอก
และมักพบการระบาดของเพลี้ยจั๊กจั่นช่อมะม่วง
ถ้าพบเพลี้ยจั๊กจั่นช่อมะม่วงเกิน
5 ตัว ต่อ ช่อดอก
สามารถกำจัดด้วยวิธีนี้
การป้องกันและกำจัดเพลี้ยจั๊กจั่น
-
ให้ใช้สารเคมีคาร์บาริล
85% WP อัตรา 60 กรัม / น้ำ 20
ลิตร
ฉีดพ่น
-
ถ้าเกิดการระบาดรุนแรงให้ใช้สารเปอร์เมทริล
หรือไซฮาโลทริน อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก
-
ไม่ควรพ่นสารเคมีขณะที่ดอกบาน
เพราะอาจเป็นอันตรายต่อแมลงผสมเกสร
-
ควรใช้น้ำฉีดพ่นในช่วงเช้า
เพื่อชะล้างมูลน้ำหวาน
ที่เกิดจากเพลี้ยจั๊กจั่น
เพื่อป้องกันการเกิดราดำ
-
ตัดแต่งกิ่งหลังการเก็บผล เพื่อลดแหล่งหลบซ่อนของเพลี้ยจั๊กจั่น
ลักษณะของเพลี้ยจั๊กจั่น
- ลำตัวมีสีเทาปนดำหรือน้ำตาลปนเทา
- หัวโตและป้าน
- ลำตัวเรียวแหลมมาทางด้านท้าย
-
ขนาดลำตัวยาวประมาณ 4 - 6.5
มิลลิเมตร
- ตัวอ่อนไม่มีปีก
แต่จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและว่องไว
- ตัวเต็มวัยมีปีก
สามารถบินได้
ตัวเต็มวัยเพศเมีย วางไข่ตามแนวแกนใบอ่อนหรือก้านช่อดอก
เห็นเป็นแผลเล็กๆคล้ายมีดกรีด
มียางสีขาวไหลหยดเห็นได้ชัดเจน
อายุไข่ 7 - 10 วัน
อายุตัวอ่อน 17 - 19 วัน
ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน
ช่อดอก
ก้านดอกและผลอ่อน
ทำให้ใบอ่อนและใบเพสลาดที่ถูกทำลายหงิกงอ
โค้งลง และขอบใบแห้ง
นอกจากนี้ขณะที่เพลี้ยจั๊กจั่นช่อมะม่วงดูดน้ำเลี้ยงจะถ่ายมูล
ออกมาเป็นน้ำเหนียวคล้ายน้ำหวาน
เรียกกันว่า
น้ำค้างน้ำผึ้ง
(honey dew) ทำให้เกิดราดำตามใบ
ช่อดอกและผล ทำให้ดอก
และผลร่วง ถ้าเป็นระยะผลโตจะทำให้ผลสกปรก
กลับไปด้านบนสุด
กลับไปหน้าที่แล้ว
|
11 /04 /44
-
เอกสารเผยแพร่ที่ 197
พิมพ์ครั้งที่
1 พย./2537
กองเกษตรสัมพันธ์
กรมส่งเสริมการเกษตร
โทร. 5793723, 5793926
ป้องกันไม่ให้เขม่าควันดำ
ติดก้นหม้อ
ข้อมูลจาก
ร้านอาหาร แสงจันทร์ในนาสุข
|
|